ปุจฉา: ทำไมท่านจึงไม่ประทานใบหน้าอันสะสวยใหกับสตรีทุกนางเล่า
วิสัชนา: นั่นเป็นเพียงชั่วครู่หนึ่งของดอกไม้ ที่ใช้สำหรับปิดบังดวงตาทางโลก
ไม่มีความงามใดจะต้านทานจิตใจอันบริสุทธ์และเปี่ยมด้วยเมตตาได้
ข้าได้ประทานจิตใจดวงนั้นแก่สตรีทุกนาง หากแต่มีคนปล่อยให้มันถูกฝุ่นจับ
ปุจฉา: โลกมนุษย์ไฉนจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจแลเสียดาย
ปุจฉา: โลกมนุษย์ไฉนจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจแลเสียดาย
วิสัชนา: นี่คือโลกแห่งภาพลวงตา ลวงตาก็คือความรู้สึกเสียใจแลเสียดาย หากไม่มีความรู้สึกเสียใจแลเสียดาย
ต่อให้ประทานความสุขมากกว่านี้ ก็ไม่อาจสัมผัสได้
ปุจฉา: ทำเช่นไรจึงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
วิสัชนา: ใจดวงหนึ่ง เกิดขึ้นก็มาพร้อมกับความโดดเดี่ยวและไม่สมบูรณ์ โดยมากก็มักจะอยู่กับความไม่สมบูรณ์นี้ไปทั้งชีวิต
หากเพียงเพราะ เมื่อพานพบกับอีกครึ่งหนึ่งที่สามารถทำให้ใจนี้สมบูรณ์ได้
ไม่ละเลยข้ามผ่าน ก็ขาดซึ่งคุณสมบัติที่ครอบครองมันได้เสียแล้ว
ปุจฉา: หากพานพบคนที่เราสามารถรักได้ แต่กลับเกรงกลัวไม่มั่นใจ ควรทำเช่นไร
วิสัชนา: ความรักที่แท้จริงเกิดบนโลกเท่าไรเชียว มิพักความเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ
หากสามารถมีความสุขร่วมกับผู้ที่มีใจรัก อย่าถามเลยว่าเป็นบุญหรือเป็นกรรม
ปุจฉา: ไฉนหิมะมักตกในยามที่เราโศกศัลย์
วิสัชนา: ฤดูหนาวใกล้จะผ่านพ้นไป เหลือร่องรอยไว้บ้าง
ปุจฉา: ทำไมทุกครั้งที่หิมะตก ล้วนแล้วแต่เป็นค่ำคืนที่เราไม่ใส่ใจ
วิสัชนา: ยามที่ไม่ใส่ใจ ผู้คนมักคลาดกับความงามที่แท้จริงมากมาย
ปุจฉา: ถ้าเช่นนั้น ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หิมะจะตกหรือไม่
วิสัชนา: อย่ามัวแต่จับจ้องฤดูกาล จนปล่อยปละหน้าหนาวนี้ไป
ปุจฉา: ทำอย่างไร เราจึงจะมีปัญญาเทียบท่านได้
วิสัชนา: มนุษย์ มีทุกข์ ๘ ประการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก
จำทนกับสิ่งที่เกลียด ปรารถนาแล้วไม่ได้ เสียไปแล้ววางไม่ลง มีเพียงในยามที่จมอยู่ในความทุกข์โศก
ซึมซับสัจธรรมแห่งชีวิต จึงสามารถเข้าสู่นิพพานได้
ดอกไม้เบ่งบานเองยามสู่วสันต์ ใบไม้ย่อมพลัดปลิวเมื่อสารทมาถึง
ดำรงอยู่ท่ามกลางกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ต้องมองให้เข้าใจ วางให้ลง จึงสามารถเข้าถึงอิสรภาพได้